คำพยานชีวิต คุณป้าวรรณนา

เมื่อ 20 ปีที่แล้วดิฉันป่วยข้อเท้าบวมโดยไม่มีสาเหตุ รักษาอยู่ที่คลีนิคชลบุรีกับแพทย์ที่มีชื่อ 2 ท่าน อาการไม่ดีขึ้นข้อเท้าบวมมาก น้องจึงพาไปรักษาที่โรงพยาบาลรามาฯ แพทย์ตรวจแล้วให้การรักษาโดยการผ่าตัด(ไม่ได้บอกสาเหตุว่าเป็นอะไร) หลังผ่าตัดเสร็จให้กลับมาพักรักษาตัวที่บ้าน และให้ล้างแผลที่คลีนิคใกล้บ้าน ดิฉันไม่ได้กลับบ้าน แต่ได้ไปพักกับน้องที่ซอยลาดพร้าว 46 เวลากลางคืนปวดแผลมาก เป็นไข้ น้องนำส่งโรงพยาบาลสยาม(โชคชัย4) เมื่อไปถึงโรงพยาบาลแพทย์แนะนำให้ทำแผลใหม่ แต่ต้องจ่ายค่ารักษาแผลใหม่ 8,000 บาท ดิฉันกลัวมาก แพทย์บอกว่าจะไม่เจ็บไม่ปวด ดิฉันตกลงให้แพทย์ทำการรักษา

แต่ก็เจ็บปวดเหมือนเดิม แผลไม่ดีขึ้น ดิฉันจึงตัดสินใจกลับไปโรงพยาบาลรามาฯ อีกครั้ง แพทย์ทำแผลให้ใหม่โดยนำผิวหนังเหนือเข่ามาปิดที่แผล ฉีดยาวันละ 2 เข็ม เช้า-เย็น อยู่โรงพยาบาลได้ครึ่งเดือนแพทย์อนุญาตให้กลับบ้าน ปฏิบัติตัวตามปกติ อาบน้าได้ เมื่อมาถึงบ้านแผลไม่ดีขึ้นกลับแย่ลง คุณแม่ก็แนะนำให้รักษากับหมอชาวบ้านดูบ้างเช่น รดน้ำมนต์ ทาน้ำมัน พอกสมุนไพร มีคนแนะนำให้ทานยาหม้อ หม้อละ 500 บาทเพื่อฆ่าเชื้อ นำเท้ามาผิงไฟ ดิฉันทำตามทุกอย่างแต่ก็ไม่หายจึงคิดฆ่าตัวตาย คุณแม่ก็ช่วยปลอมใจและดูแลเอาใจใส่ มีเพื่อนคุณแนะนำให้ไปโรงพยาบาลบางคล้าซึ่งเป็นโรงพยาบาลคริสเตียน

ดิฉันก็ไปเมื่อไปถึงโรงพยาบาลระหว่างที่รอพบแพทย์อยู่นั้นดิฉันเห็นภาพวาดชายชราภาพหนึ่งยื่นมือออกมา และใต้ภาพนั้นเขียนว่า "บรรดาผู้ที่ทำงานเหนัดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา เราจะให้ท่านทั้งหลายหายเหนื่อยและเป็นสุข" ดิฉันน้ำตาไหลและรู้สึกรักภาพนี้มาก หลังจากนั้นแพทย์ได้ตรวจและทำความสะอาดแผลให้ใหม่ และให้กลับไปพักรักษาตัวที่บ้านและบอกว่าเป็นแผลเรื้อรัง แต่แผลก็ไม่ได้ดีขึ้นเหมือนเดิมทุกอย่าง

แพทย์ท่านนี้ได้แนะนำให้รู้จักกับพระเจ้า ครั้งแรกดิฉันไม่ยอมรับ แต่คุณแม่บอกว่าให้รับเถอะ คนจะจมน้ำตายขอนไม้ลอยมาให้เราคว้าไว้ก่อนไม่ต้องห่วงแม่หรอกนะแม่รักลูกอยากให้ลูกมีชีวิตที่ดีและต่อสู้ชีวิตต่อไป แพทย์นำการอธิษฐานต้อนรับพระเจ้าเข้ามาในชีวิตของดิฉัน ภายใน 1 เดือนแผลก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ จึงตัดสินใจรับพระเจ้าเข้ามาในชีวิต แต่ก็ยังไม่มั่นใจ มีความสงสัยว่า ที่หายเป็นเพราะการรักษาของพระเจ้า หรือ การรักษาด้วยยา

ต่อมามีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น น้องสะใภ้คลอดบุตรที่โรงพยาบาลแปดริ้ว หลังการคลอดเด็กมีอาการหัวใจรั่ว ตาเจ็บ ติดเชื้อไวรัสทางอากาศ น้องชายของดิฉันเห็นดิฉันว่างอยู่ก็ให้ช่วยรับเด็กมาดูแล ดิฉันก้เลยพาเด็กไปรักษาที่โรงพยาบาล สมิตติเวชกรุงเทพ และ โรงพยาบาลเด็ก แพทย์ทั้งสองโรงพยาบาลให้การวินิจฉัยตรงกันกับแพทย์ที่โรงพยาบาลแปดริ้ว ดิฉันจึงเริ่มอธิษฐานขอการทรงนำจากพระเจ้าในการรักษา ขอเพียงดวงตาทั้งสองข้างเท่านั้น ส่วนเรื่องหัวใจรั่วนั้นแล้วแต่น้ำพระทัยของพระเจ้า จากนั้นตาก็ดีขึ้นโดยที่ดิฉันไม่ได้หยอดตา หรือใช้ยาใดๆทั้งสิ้น ต่อมาดิฉันนำเด็กมาตรวจที่โรงพยาบาล แพทย์ก็บอกว่า ตาและหัวใจ ของเด็กปกติไม่มีปัญหา

ดิฉันขอบคุณพระเจ้า ต้อนรับพระเจ้าเข้ามาในชีวิตด้วยความเชื่อมั่น และเต็มใจอธิษฐาน ศึกษาพระคัมภีร์ทุกวัน มาโบสถ์ทุกอาทิตย์ เป็นพยานและหนุนใจผู้ที่มีปัญหา ช่วยเหลือและสนับสนุนงานรับใช้พระเจ้า มีพระเจ้าเป็นผู้นำในการดำเนินชีวิตจนถึงทุกวันนี้

ขอให้ทุกท่านอิ่มด้วยความรักและพระคุณของพระเจ้า และหนำด้วยพระพรนานาประการ

"ถ้าเจ้าเต็มใจและเชื่อฟัง เจ้าจะได้กินผลดีแห่งแผ่นดิน" (อิสยาห์ 1:19)

คุณป้าวรรณนา